Blog
เนื้อผิวไม้ทั้ง 4 แบบของไปป์ และความแตกต่างของราคา

เนื้อผิวไม้ทั้ง 4 แบบของไปป์ และความแตกต่างของราคา
เรื่องของผิวเนื้อไม้ของไปป์ หรือภาษาอังกฤษจะใช้คำว่า “Pipe Finishes” สิ่งนี้อาจไม่ได้ส่งผลต่อการสูบโดยตรงซะทีเดียว แต่กลับมีอิทธิพลอย่างมากในการตัดสินใจซื้อของใครหลายคน เรื่องของประสิทธิภาพในการใช้งานอาจคาดการณ์ได้บ้างจากระบบ และความน่าเชื่อถือของแบรนด์ แต่รูปลักษณ์ที่เข้าตา และสีที่ถูกใจ สามารถวัดกันได้เลยจากความรู้สึกเมื่อแรกเห็น ยิ่งไปกว่านั้นถ้าผิวไม้แต่ละแบบ มีราคาค่าตัวแตกต่างกัน นักสูบที่กำลังมองหาไปป์ใหม่ซักตัว และได้ตั้งงบประมาณการซื้อไว้ในใจอยู่ก่อนแล้ว บทความเกี่ยวกับ เนื้อผิวไม้ทั้ง 4 แบบของไปป์ และความแตกต่างของราคา นี้ ก็น่าจะให้ความชัดเจน และทำให้ตัดสินใจเลือกซื้อได้ง่ายขึ้น
**หมายเหตุ**
การเทียบความแตกต่างของราคา จะเทียบกับไปป์ที่อยู่ในซีรี่ย์/คอลเลคชั่น ของแบรนด์ เดียวกันเท่านั้น เช่น ในบทความนี้จะยกตัวอย่างโดยใช้ ไปป์แบรนด์ Peterson คอลเลคชั่น System Standard ถ้าเป็นไปป์คนละแบรนด์ คนละรุ่น จะไม่สามารถควบคุมปัจจัยเรื่องราคาได้
เนื้อไปป์แบบเรียบ (Smooth)
เนื้อ Smooth คือเนื้อผิวเรียบลื่น อาจขัดให้ขึ้นมันเป็นเงา (Polish) หรือเป็นแบบด้าน (Matte) ก็ขึ้นอยู่กับการออกแบบของแบรนด์ไปป์นั้นๆ จุดเด่นของเนื้อไม้แบบนี้คือการโชว์ความสวยงามของลายไม้ที่มีอยู่ตามธรรมชาติ ช่างจะเริ่มต้นด้วยการขัดผิวให้เห็น Pattern จริงของไม้ชิ้นนั้นๆ จากนั้นทาสีย้อมไม้โปร่งแสงเพื่อขับให้เห็นลายไม้ชัดเจนยิ่งขึ้น หลังจากนั้นอาจมีการทาสีทับเพิ่มเติมตามเทคนิคของช่าง ให้เกิดมิติ บางครั้งยังมีการใช้สีที่แตกต่างกัน เพื่อขับลายให้เด่นชัด เป็นเอกลักษณ์ของไปป์ในแต่ละรุ่น
สำหรับ เนื้อไปป์แบบเรียบ (Smooth) นั้น บางแบรนด์ก็อาจมีการแยกย่อยไปอีก เช่น ไปป์ Peterson เนื้อ Smooth ก็มีแยกเป็น
- Smooth
- Dark Smooth
- Heritage
- Ebony
ซึ่งราคาก็จะไล่ระดับกันลงมา จากแพงไปถูก ส่วนใหญ่แล้ววิธีสังเกตง่ายๆ คือ ไปป์สีอ่อน หรือไปป์ที่โชว์ให้เห็นลายไม้แบบชัดเจน จะมีราคาที่สูงกว่าไปป์ที่ถูกปกปิดผิวด้วยสีเคลือบอื่นๆ
เนื้อไปป์แบบพ่นทราย (Sandblasted)
ไปป์ในยุคเริ่มต้นมีแต่เนื้อผิวแบบ Smooth เพียงอย่างเดียว จนปี 1917 แบรนด์ไปป์ Dunhill ได้ปล่อยไปป์ที่มีชื่อรุ่นว่า Dunhill Shell Briar ที่มีเนื้อพ่นทราย (Sandblasted) แบบนี้ออกมา นับว่าเป็นการปฏิวัติความเชื่อเดิมๆ ที่มีในยุคนั้นเลยก็ว่าได้ จริงอยู่ที่การขัดผิวไม้ให้เรียบ ทำให้มองเห็นลายชัด แต่การทำ Sandblasted ทำให้คนสูบสัมผัสได้ถึงลายไม้แบบ 3 มิติ ทั้งการเรียงตัวของวงไม้ เส้นลายไม้ ไม่เพียงแค่ตาเห็น แต่สามารถสัมผัสได้ด้วยการจับ ส่วนรูปแบบของการทำ การเล่นสีสัน ความประณีต ก็ทำให้มีราคาแตกต่างกัน
ในภาพเป็นตัวอย่างของเนื้อไม้แบบ Sandblasted ที่มีการไล่สี และมีการเรียงตัวของเส้นลายไม้ที่ไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งค่อนข้างหาได้ยาก สำหรับเรื่องของราคา ไปป์ที่เป็นรุ่น Sandblasted จะราคาถูกกว่าเนื้อ Smooth ถ้าเทียบกับสินค้าในรุ่นเดียวกัน แต่จะแพงกว่ารุ่น Rusticated
เนื้อไปป์แบบหยาบ ขรุขระ (Rusticated)
เป็นพื้นผิวไม้แบบขัดหยาบ ทำให้ดูเป็นลายแตกๆ ไม่มีรูปแบบที่ชัดเจน ไม่ได้สนใจว่าลายไม้ดั้งเดิมจะเป็นยังไง เหมาะกับคนที่ชอบจับไปป์ที่ให้ความรู้สึกแบบสากมือเล็กน้อย ข้อดีคือเป็นไปป์ที่ไม่ต้องการการดูแลรักษามาก ไม่ต้องกลัวเป็นรอย ส่วนใหญ่แล้วไม้ Briar ที่ถูกคัดให้มาทำไปป์เนื้อ Rusticated จะเป็นชิ้นไม้ที่มีตำหนิ อาจเป็นจุดดำ หรือมีเส้นลายไม้ที่ไม่ค่อยสวยงามเท่าไหร่ ทำให้ไปป์ที่มีผิวแบบ Rusticated นี้มีราคาถูกที่สุด ถ้าเทียบกับเนื้ออื่นๆ
เนื้อไปป์แบบแกะสลัก (Carved)
เนื้อไปป์แบบนี้ก็ไม่ได้โชว์ให้เห็นลายไม้เช่นกัน และส่วนใหญ่จะไม่ค่อนเห็นไปป์ไม้ Briar ที่ทำลายแกะเป็นลวดลายแบบนี้เท่าไหร่ ในภาพคือไปป์เมียร์ชอม (Meerschaum) ที่มีการแกะลายเป็นวงกลม และเจาะรู เพื่อให้เกิดเป็นลวดลายขึ้นบนเบ้าไปป์ ส่วนราคานั้นค่อนข้างแตกต่าง ขึ้นอยู่กับแบรนด์ จากประสบการณ์ของผู้เขียน ราคาของไปป์ที่มีการใช้วิธีแกะลาย Carved มีตั้งแต่การจัดให้อยู่ในระดับที่ถูกที่สุด ในกลุ่มไปป์ ระดับ Mass ไปถึงไปป์ทำมือของศิลปิน แนว Freehand, Handmade ซึ่งจัดอยู่ในงานไปป์สายสะสม ที่มีราคาแพง และมีเพียงชิ้นเดียว
จริงอยู่ที่เนื้อผิวไม้ทั้ง 4 แบบของไปป์ ทำให้เกิดความแตกต่างของราคา ทั้งถูกและแพง แต่ก็ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ยากต่อการควบคุม เช่น ต้นทุนที่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา และสถานการณ์ บทความข้างต้นนี้จึงเป็นข้อมูลเบื้องต้น สำหรับใครที่มีความสงสัยเรื่อง Pipe Finishes ซึ่งบทความนี้ได้หยิบเอา 4 รูปแบบใหญ่ๆ ที่พบเห็นได้บ่อย และรูปภาพประกอบเพื่อให้เกิดความเข้าใจมากขึ้นเท่านั้น เพราะไปป์แต่ละแบรนด์ ช่างแต่ละคน วัตถุดิบแต่ละชิ้น รวมถึง Positioning ของไปป์แต่ละรุ่น ก็ออกแบบมาเพื่อให้เข้ากับนักสูบที่มีความต้องการแตกต่างกัน ถ้าต้องการซื้อไปป์ทาง Origin Pipe Club ก็สนับสนุนให้ไปเลือกซื้อที่ร้าน หรือติดต่อกับร้านค้าโดยตรง เพื่อขอดูภาพสินค้าจริง ในกรณีของ Origin Pipe Club ลูกค้าสามารถดูภาพถ่ายสินค้าจริงจากหน้าเว็บไซต์ และทาง Facebook โดยทางเราได้ตั้งรหัสเฉพาะสำหรับไปป์ตัวนั้นๆ เพื่อให้มั่นใจว่ารูปถ่ายดังกล่าว เป็นสินค้าที่ตรงตามรุ่น และมีลวดลายตามธรรมชาติแบบนี้เพียงชิ้นเดียว
Credit:
https://www.smokingpipes.com/smokingpipesblog/single.cfm/post/quick-look-pipe-finishes
Related Posts
ทำไมต้องใช้ จุกไม้ก๊อก เคาะไปป์
-
Posted by
pipadmin
ส่วนสำคัญของไปป์ Mouthpiece Tenon Mortise Mount
-
Posted by
pipadmin
เคล็ดลับแยกความต่าง 4 ทรงไปป์ตระกูล Canadian
-
Posted by
pipadmin
ปากคาบแบบ Fishtail และ P-LIP
-
Posted by
pipadmin
8 วิธีซื้อไปป์ราคาถูก
-
Posted by
pipadmin
ไปป์แบบ Reverse Calabash คืออะไร
-
Posted by
pipadmin
6 วิธีเลือกซื้อไปป์ให้เหมาะกับตัวเรา
-
Posted by
pipadmin
วิธีวัดความลึกของไปป์
-
Posted by
pipadmin
วิธีวัดความสูงของเบ้าไปป์
-
Posted by
pipadmin
ทำความรู้จักกับ ปากคาบแบบ Saddle กับ Tapered
-
Posted by
pipeclub
ที่มาของไปป์ทรง Calabash
-
Posted by
pipeclub
วิธีการวัดเส้นผ่านศูนย์กลางในเบ้าและนอกเบ้า
-
Posted by
pipeclub